ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"รับใช้ตามการทรงเรียก" เรื่องยากๆ ที่อธิบายให้ง่ายๆ ก็ได้

"รับใช้ตามการทรงเรียก" เรื่องที่ฟังดูยาก แต่อยากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ


เรื่องนี้เป็นประเด็นที่เชื่อว่าศิษยาภิบาลทั้งหลายคงได้เคยพยายามสอนและอธิบายให้สมาชิกได้ฟัง บางคนก็ท้าทายให้รับใช้ตามการทรงเรียกโดยไม่อธิบายความหมายอะไร ปล่อยให้ผู้ฟังเข้าใจเอาเอง ทำนองว่าเหมือนพระเยซูกล่าวว่า "ใครมีหูก็จงฟังเถิด"

"การรับใช้ตามการทรงเรียก" เรื่องที่ฟังดูเหมือนจะเข้าใจง่าย แต่เอาเข้าจริงมีคำถามเยอะมากเหมือนกัน

จากประสบการณ์ของผมที่ "รับใช้ทันทีเมื่อรับเชื่อ" ตั้งแต่ปี 1988 จนถึงปัจจุบันไม่มีขาดช่วง ผมขอให้คำอธิบายเรื่อง "รับใช้ตามการทรงเรียก" ไว้ 5 ประการว่าคืออะไร

1. คือรับใช้ "ตามพระคัมภีร์"
        การรับใช้แบบนี้คริสเตียนทุกคนทำได้ครับ ไม่ต้องคิดเยอะ พระคัมภีร์มีคำสั่งอะไร เราก็ทำตามนั้นด้วยใจเชื่อฟัง เช่น ประกาศข่าวประเสริฐ ดูแลฝูงแกะของพระเจ้า หนุนใจพี่น้อง อาสาตัวงานต่างๆ ถวายทรัพย์ด้วยใจยินดี เรื่องเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่คริสเตียนทุกคนเมื่ออ่านพระคัมภีร์ก็จะพบคำสั่งเหล่านี้ ดังนั้น การรับใช้ตามที่พระคัมภีร์บอกไว้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากของคริสเตียนทุกคนครับ

2. คือรับใช้ "ตามภาระใจ"
        คุณเคยร้องไห้กับเรื่องอะไรในคริสตจักรและในสังคมมั้ยครับ ทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องร้ายๆ หรือมีงานอะไรที่คุณยินดีทำให้แม้ไม่ได้ค่าตอบแทน แม้ไม่ได้ผลประโยชน์ หรืออาจจะต้องเสียด้วยซ้ำ ถ้าคุณพอจะคิดถึงสิ่งเหล่านี้หรืองานเหล่านี้ได้ นั่นอาจเป็นก้าวต่อไปของคุณในการรับใช้ก็ได้ครับ พระเจ้าอาจใส่ภาระใจไว้ในหัวใจของคุณ เพื่อหัวใจของคุณจะนำให้คุณทำงาน และเมื่อหัวใจเป็นตัวนำ คุณจะไม่รู้สึกเป็นภาระหนัก หรือทำไปเพียงแค่พอผ่านๆ เท่านั้น

3. คือรับใช้ "ตามความสามารถ"
        คุณเก่งในเรื่องไหน คุณทำอาชีพอะไรอยู่ คุณทำอะไรเป็นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างกวาดบ้าน ถูพื้น ยกของ ทำกับข้าว พิมพ์งาน หรืองานที่ยากขึ้น เช่น นักแสดง นักร้อง เล่นดนตรี นักบัญชี ช่างเทคนิค งานรับใช้ในคริสตจักรมีเป็นร้อยอย่าง ต้องมีบ้างล่ะที่คุณทำได้

4. คือรับใช้ "ตามประสบการณ์"
        คุณผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ประสบการณ์เหล่านี้ไม่มีอะไรสูญเปล่าถ้าคุณจะใช้มันให้เกิดประโยชน์ คงมีคนอีกมากที่จะรับพระพรเมื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ที่คุณแบ่งปัน

5. คือรับใช้ "ตามของประทาน"
        มีอย่างน้อย 21 อย่างที่ปรากฏในพระธรรม โรม 1โครินธ์ และเอเฟซัส ลองค้นหาและเริ่มลงมือพัฒนาของประทานนั้นๆ ครับ
        สำคัญที่สุดคือ คุณต้อง "อย่าเล่นตัว" เวลามีใครมาขอให้คุณร่วมรับใช้อะไรบางอย่าง "อย่าด้อยค่า" ตัวเองด้วยการปฏิเสธและบอกแต่ว่าทำไม่ได้ๆๆ และ "อย่าละเลยเสียงของพระเจ้า" ที่อาจกำลังบอกอะไรบางอย่างกับคุณตอนนี้
        เพราะพระเจ้าทรงฤทธิ์ จะเสริมกำลังและนำคุณไปสู่มิติใหม่ อย่างที่คุณอาจคิดไม่ถึงเลยทีเดียว

ศรัณย์ ลีฬหเกรียงไกร
14 มีนาคม 2024

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวิตผม เมื่อพบพระคริสต์ ตอนที่ 1 ชีวิตผมเริ่มจากตรงนั้น

ย้อนกลับไปประมาณเดือนตุลาคม 1987 ขณะเรียนชั้นม.4 โรงเรียนอัสสัมชัญ เพื่อนของผมที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลได้มาประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์ให้ผมฟัง ตอนนั้นความสนใจของผมเท่ากับ "ศูนย์" เพราะผมเป็นคนมีนิสัยเรื่อยๆ ไม่คิดถึงวันข้างหน้า ไม่สนใจวันที่ผ่านเลย ทำนองว่ามีชีวิตให้ผ่านไปวันๆ ก็พอแล้ว แต่ก็เหมือนการหว่านเมล็ดพืชลงดิน เราไม่รู้ว่ามันจะงอกเมื่อไหร่ มันมีเวลาของมัน พฤศจิกายน 1987 ผ่านไปแค่เดือนเดียว  พี่ชายผมมาบอกว่า "เป็นคริสเตียนแล้ว" อะไรจะขนาดนั้น เหมือนถูกตีวงล้อม คนใกล้ตัวไหงนิยมเปลี่ยนเป็นคริสเตียน?   อารมณ์ตอนนั้น "ติดลบ" รู้สึกเหมือนทำไมถูกหลอกกันง่ายจริงๆ แป๊บๆ เชื่อ แป๊บๆ เปลี่ยน  ความรู้สึกรักชาติ รักศาสนาเดิม มันร้อนแรงทันที  ผมต่อว่าต่อขานบวกดูหมิ่นเหยียดหยามการตัดสินใจของพี่ชาย..... ผ่านไป 3 เดือน  วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1988 หลังจากผมเฝ้ามองดูพี่ชายดำเนินชีวิตแปลกๆ (ในความรู้สึกตอนนั้น) วันอาทิตย์ไปโบสถ์แต่เช้า นิสัยเปลี่ยนไป เลิกทะเลาะกับผม (ฮา)  ผมตัดสินใจไปโบสถ์กับพี่ชายเป็นครั้งแรก  แต่เนื่องจากเป็นเด็กมีนิสัยตื่นสายในวันหยุด ก

ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ

ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ           เป็นเรื่องที่ดีที่ระยะหลังมานี้ ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ นักการเมืองหญิงเก่งๆ ก็มาก ระดับผู้นำประเทศที่เป็นผู้หญิงก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น นักธุรกิจ ผู้นำองค์กรที่เป็นผู้หญิงก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะในสังคมไทยที่ไม่นานมานี้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีผู้หญิงดำรงตำแหน่งระดับสูงในองค์กรต่างๆ มากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเลยทีเดียว           ผู้หญิงหลายคนคงอยากได้รับคำชมเช่นกันว่าเป็น “ผู้หญิงเก่ง”   เมื่อผมนึกถึงคำว่า “ผู้หญิงเก่ง” ก็ทำให้นึกถึงพระคัมภีร์ตอนหนึ่งในพระธรรมสุภาษิตบทที่ 31 ที่พูดถึงลักษณะของผู้หญิงเก่งในระดับ “ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ” กันเลยทีเดียว เพราะพระคัมภีร์ตอนนี้เป็นคำชมของกษัตริย์โซโลมอน ผู้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ร่ำรวย และเฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก           ลองมาศึกษาร่วมกันนะครับ ว่า “ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ” ต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง หวังว่าเมื่ออ่านจบแล้ว สังคมเราจะมี “ผู้หญิงเก่ง” เพิ่มขึ้นอีกเยอะๆ นะครับ คนนี้เป็นแม่ของเด็กที่เรียกผมว่าพ่อ :)

ชีวิตผม เมื่อพบพระคริสต์ ตอนที่ 2 ศักเคียส กับ บ้านหมอเคน

หลังจากกลับบ้านแบบงงๆ เล็กน้อย เราทำอะไรลงไปเนี่่ย? พูดเล่นพูดจริง? เราเป็นคริสเตียนแล้วเหรอ? พี่เขาบอกว่าพระเยซูเข้ามาในใจแล้ว ไหนล่ะ?  มุดเข้ามาได้ไง?????   แต่ก็อย่างที่บอกครับ ผมเป็นเด็กเรื่อยๆ มาเรียงๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้สนใจจะหาคำตอบอะไรมากมายนัก ตามธรรมเนียมอันดีของคริสตจักรที่ผมไปรับเชื่อคือจะนัดกับผู้ที่เพิ่งต้อนรับพระเยซูในวันรุ่งขึ้น เพื่ออธิบายความเชื่อ ย้ำความเข้าใจกันอีกครั้ง  ผมจึงถูกนัดจากพี่เลี้ยงของผม (พี่ป๊อก) ให้ไปพบที่บ้านหมอเคน ซอยเซ็นหลุยส์ 2 ตอนเลิกเรียน จากโรงเรียนอัสสัมชัญนั่งรถสองแถวจากบางรักออกสาทรเลี้ยวเข้าซอยแป๊บเดียวถึง (อันที่จริงอยากเรียกว่าเกาะรถสองแถวมากกว่า เพราะรถแน่นสุดๆ ห้อยโหนกันเหมือนถุงผักที่แขวนไว้ในรถกระบะขายผักยังไงยังงั้น ^.^") ถ้าคำว่า First Impression ไม่ได้ถูกจำกัดไว้เฉพาะแวดวงการค้าการขาย ผมก็เกิด First Impression ตอนที่มาหาพี่เขาล่ะครับ บ้านหมอเคนดูเรียบร้อย อบอุ่น บ้านไม่ใหญ่มาก มีสวนเล็กๆ มีโต๊ะปิงปองกางไว้เหมือนจะมีคนมาเล่นประจำ ในบ้านไม่หรูหรา แต่ดูมีชีวิตชีวา มารู้ทีหลังว่า หมอเคนและภรรยาเป็นมิชชันนารีจากอังกฤษที่เข