ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ชีวิตผม เมื่อพบพระคริสต์ ตอนที่ 3 สมาชิกคณะนักร้องประสานเสียง “ไนติงเกล”

คณะนักร้องประสานเสียงไนติงเกล” เป็นคณะนักร้องประสานเสียงของคริสตจักรความหวังกรุงเทพ ในสมัยที่ผมเพิ่งจะรับเชื่อใหม่ๆ (ปี 1988) มีคุณแม่แมรี่เป็นหัวหน้าคณะฯ ซ้อมกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง คืนวันพฤหัสกับเช้าวันอาทิตย์ คณะฯ มีสมาชิกหลายสิบคน ผู้ใหญ่บ้าง เด็กบ้าง
ผู้หญิงผู้ชายคละกันไป หลังจากที่ผมรับเชื่อได้ไม่กี่สัปดาห์ พี่เลี้ยงของผมในเวลานั้น (พี่ป๊อก) ก็ชวนเข้าวงการ ด้วยเหตุที่พี่แกก็ร้องอยู่ด้วย เลยชวนผมไปร่วม คงหวังจะให้ผมได้มีอะไรทำมากกว่าจะเห็นแววนักร้องแน่ๆ

เช้าวันอาทิตย์หนึ่ง ผมขึ้นไปบนห้องซ้อมของคณะนักร้องนี้ ได้พบกับคุณแม่แมรี่ แนะนำตัวเล็กน้อย คุณแม่ไม่รอช้า จับให้ลองทดสอบเสียง จะได้เอาเข้ากลุ่มเสียงได้ถูก กลุ่มเสียงของคณะฯ มีสี่เสียงด้วยกัน คือ สองเสียงของผู้หญิง ได้แก่ โซปราโน แอลโต (หรือที่เรามักแซวๆ ว่า เอวโต) กับสองเสียงของผู้ชาย ได้แก่ เบส กับ เทเนอร์ คุณแม่แมรี่ดีดเปียโนแล้วให้ผมลองร้องตาม ผมก็ร้องตามไปเรื่อย สุดท้ายได้อยู่เสียงเทเนอร์ มารู้ภายหลังว่าคือเสียงสูงของผู้ชาย คิดแอบดีใจ(ไปทำไม)ว่า “เราอยู่เสียงสูง เท่ห์ดีแฮะ

ผมถือว่าเป็นนักร้องที่อายุน้อย (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะน้อยที่สุดนะ) เพราะอายุแค่ 16 เท่านั้น แต่เป็นวัยรุ่นที่ไปซ้อมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เราซ้อมกันทุกเช้าวันอาทิตย์เวลา 8 โมงเช้า และคืนวันพฤหัส 1 ทุ่ม ที่โบสถ์จัดให้คณะฯ ได้ถวายเพลงพิเศษเดือนละครั้ง ซึ่งถือว่าค่อนข้างถี่ทีเดียว นักร้องทุกคนจะต้องตัดชุด ผู้ชายใส่สูท เป็นอะไรที่ตื้นตันมาก (เว่อร์จริงๆ) เพราะเด็กอายุ 16 ได้ใส่สูทเท่ห์เลยครับ สูทรู้สึกจะสีเข้มๆ แล้วเราต้องหากางเกงขาวใส่มาในวันที่ขึ้นร้อง เป็นอะไรที่ต้องระวังมาก กางเกงขาวกับวัยรุ่น...

มีอยู่ปีหนึ่ง น่าจะปี 1989 ราวปลายเดือนเมษา ที่โบสถ์มีค่ายประจำปี คณะนักร้องประสานเสียงก็ต้องขึ้นถวายเพลงพิเศษ คุณแม่แมรี่เตรียมเพลงให้ซ้อมอย่างดี และย้ำนักย้ำหนาว่า บรรดานักร้อง “ห้าม” ไปเชียร์กีฬา ตะโกนโหวกเหวกจนเสียงแหบแห้ง ใครเสียงแหบจะไม่ได้ขึ้นร้อง !!! แต่เพราะวัยรุ่นอย่างผมมันอดไม่ได้ที่ต้องไปเชียร์กีฬา จนสุดท้าย เสียงแหบตามคาด ! และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคุณแม่แมรี่ ผมพยายามที่สุดที่จะทำเสียงให้ปกติ แต่ก็ไม่สามารถรอดหูทิพย์ของคุณแม่ได้ แน่นอนครับ ผมอดขึ้น ต้องยืนดูตาปริบๆ

โครงการใหญ่ยักษ์ของคณะนักร้อง ซึ่งน่าจะเป็นกิจกรรมสุดท้ายก่อนคุณแม่แมรี่ต้องเดินทางไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ และคณะนักร้องไนติงเกลก็ต้องยุบไป คือ โครงการต้นไม้คริสต์มาสร้องเพลง เป็นการสร้างโครงสร้างเหล็กเป็นต้นสนคริสต์มาส ใหญ่มาก น่าจะราวๆ 15 เมตรเห็นจะได้ ตั้งใหญ่เด่นอยู่หน้าเวทีโรงหนังออสการ์ที่ใช้เป็นสถานที่ประชุมของคริสตจักรในเวลานั้น คณะนักร้องของเราก็จะขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ จริงๆ ต้องเรียกว่ายืนอยู่ในซะมากกว่า เพราะเราต้องเดินขึ้นนั่งร้านโครงเหล็ก ต่างคนก็ต่างได้รับตำแหน่งว่าจะยืนอยู่จุดไหน ชั้นไหน จำได้ว่าผมยืนอยู่น่าจะกลางๆ ค่อนขึ้นข้างบนหน่อย เราได้ถวายเพลงพิเศษในโอกาสวันคริสต์มาสปีนั้น ถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษที่สุดของวัยรุ่นอายุ 17 ปีคนหนึ่งที่จะมีในยุคสมัยนั้น

ปัจจุบันผมขอบคุณพระเจ้าที่พื้นฐานการร้องเพลงที่ได้รับการสอนจากคุณแม่แมรี่ช่วยให้ผมสามารถรับใช้พระเจ้าในบทบาทศิษยาภิบาลได้อย่างดี ผมสามารถนำนมัสการ ร้องเพลง และเทศนาได้โดยที่เสียงไม่แหบ เสียงไม่หาย เพราะได้ทักษะการใช้เสียงจากคณะนักร้องประสานเสียงแท้ๆ
"พระเจ้าทรงเตรียมชีวิตของเราด้วยหลากหลายวิธีจริงๆ"

ความคิดเห็น

Unknown กล่าวว่า
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเตรียมชีวิตอ.รันมาอย่างดีจนส่งผลถึงปัจจุบันค่ะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ

ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ           เป็นเรื่องที่ดีที่ระยะหลังมานี้ ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ นักการเมืองหญิงเก่งๆ ก็มาก ระดับผู้นำประเทศที่เป็นผู้หญิงก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น นักธุรกิจ ผู้นำองค์กรที่เป็นผู้หญิงก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะในสังคมไทยที่ไม่นานมานี้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีผู้หญิงดำรงตำแหน่งระดับสูงในองค์กรต่างๆ มากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเลยทีเดียว           ผู้หญิงหลายคนคงอยากได้รับคำชมเช่นกันว่าเป็น “ผู้หญิงเก่ง”   เมื่อผมนึกถึงคำว่า “ผู้หญิงเก่ง” ก็ทำให้นึกถึงพระคัมภีร์ตอนหนึ่งในพระธรรมสุภาษิตบทที่ 31 ที่พูดถึงลักษณะของผู้หญิงเก่งในระดับ “ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ” กันเลยทีเดียว เพราะพระคัมภีร์ตอนนี้เป็นคำชมของกษัตริย์โซโลมอน ผู้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ร่ำรวย และเฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก           ลองมาศึกษาร่วมกันนะครับ ว่า “ผู้หญิงที่ทั้งโลกต้องการ” ต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง หวังว่าเมื่ออ่านจบแล้ว สังคมเราจะมี “ผู้หญิงเก่ง” เพิ่มขึ้นอีกเยอะๆ นะครับ คนนี้เป็นแม่ของเด็กที่เรียกผมว่าพ่อ :)

ชีวิตผม เมื่อพบพระคริสต์ ตอนที่ 1 ชีวิตผมเริ่มจากตรงนั้น

ย้อนกลับไปประมาณเดือนตุลาคม 1987 ขณะเรียนชั้นม.4 โรงเรียนอัสสัมชัญ เพื่อนของผมที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลได้มาประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์ให้ผมฟัง ตอนนั้นความสนใจของผมเท่ากับ "ศูนย์" เพราะผมเป็นคนมีนิสัยเรื่อยๆ ไม่คิดถึงวันข้างหน้า ไม่สนใจวันที่ผ่านเลย ทำนองว่ามีชีวิตให้ผ่านไปวันๆ ก็พอแล้ว แต่ก็เหมือนการหว่านเมล็ดพืชลงดิน เราไม่รู้ว่ามันจะงอกเมื่อไหร่ มันมีเวลาของมัน พฤศจิกายน 1987 ผ่านไปแค่เดือนเดียว  พี่ชายผมมาบอกว่า "เป็นคริสเตียนแล้ว" อะไรจะขนาดนั้น เหมือนถูกตีวงล้อม คนใกล้ตัวไหงนิยมเปลี่ยนเป็นคริสเตียน?   อารมณ์ตอนนั้น "ติดลบ" รู้สึกเหมือนทำไมถูกหลอกกันง่ายจริงๆ แป๊บๆ เชื่อ แป๊บๆ เปลี่ยน  ความรู้สึกรักชาติ รักศาสนาเดิม มันร้อนแรงทันที  ผมต่อว่าต่อขานบวกดูหมิ่นเหยียดหยามการตัดสินใจของพี่ชาย..... ผ่านไป 3 เดือน  วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1988 หลังจากผมเฝ้ามองดูพี่ชายดำเนินชีวิตแปลกๆ (ในความรู้สึกตอนนั้น) วันอาทิตย์ไปโบสถ์แต่เช้า นิสัยเปลี่ยนไป เลิกทะเลาะกับผม (ฮา)  ผมตัดสินใจไปโบสถ์กับพี่ชายเป็นครั้งแรก  แต่เนื่องจากเป็นเด็กมีนิสัยตื่นสายในวันหยุด ก

ชีวิตผม เมื่อพบพระคริสต์ ตอนที่ 2 ศักเคียส กับ บ้านหมอเคน

หลังจากกลับบ้านแบบงงๆ เล็กน้อย เราทำอะไรลงไปเนี่่ย? พูดเล่นพูดจริง? เราเป็นคริสเตียนแล้วเหรอ? พี่เขาบอกว่าพระเยซูเข้ามาในใจแล้ว ไหนล่ะ?  มุดเข้ามาได้ไง?????   แต่ก็อย่างที่บอกครับ ผมเป็นเด็กเรื่อยๆ มาเรียงๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้สนใจจะหาคำตอบอะไรมากมายนัก ตามธรรมเนียมอันดีของคริสตจักรที่ผมไปรับเชื่อคือจะนัดกับผู้ที่เพิ่งต้อนรับพระเยซูในวันรุ่งขึ้น เพื่ออธิบายความเชื่อ ย้ำความเข้าใจกันอีกครั้ง  ผมจึงถูกนัดจากพี่เลี้ยงของผม (พี่ป๊อก) ให้ไปพบที่บ้านหมอเคน ซอยเซ็นหลุยส์ 2 ตอนเลิกเรียน จากโรงเรียนอัสสัมชัญนั่งรถสองแถวจากบางรักออกสาทรเลี้ยวเข้าซอยแป๊บเดียวถึง (อันที่จริงอยากเรียกว่าเกาะรถสองแถวมากกว่า เพราะรถแน่นสุดๆ ห้อยโหนกันเหมือนถุงผักที่แขวนไว้ในรถกระบะขายผักยังไงยังงั้น ^.^") ถ้าคำว่า First Impression ไม่ได้ถูกจำกัดไว้เฉพาะแวดวงการค้าการขาย ผมก็เกิด First Impression ตอนที่มาหาพี่เขาล่ะครับ บ้านหมอเคนดูเรียบร้อย อบอุ่น บ้านไม่ใหญ่มาก มีสวนเล็กๆ มีโต๊ะปิงปองกางไว้เหมือนจะมีคนมาเล่นประจำ ในบ้านไม่หรูหรา แต่ดูมีชีวิตชีวา มารู้ทีหลังว่า หมอเคนและภรรยาเป็นมิชชันนารีจากอังกฤษที่เข